การแข่งขัน


Badminton (12).jpg

     เกมส์การแข่งขันประเภทเดี่ยวของแบดมินตันนั้น เป็นเกมการทดสอบสมรรถภาพทดสอบความอดทน ทดสอบพลังจิตการต่อสู้ ผู้เล่นต้องมีความชำนานและแม่นยำในการตีลูก การเล่นต้องอาศัยชั้นเชิงความไหวพริบปฏิภาณดีรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพยายามทำการแก้ไขลูกให้ฝ่ายตนต้องเตรียม พร้อมตัวเองอยู่เสมอ


คุณสมบัติของผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยว

ความสมบรูณ์ของร่างกายมีกำลังที่จะตีลูกขนไก่ได้ตลอดการแข่งขัน
มีความแม่นยำในการตีลูกให้ถึงมุมทั้งลูกมุมสนามทางด้านหลังลูกหยอดมุมสนามทั้งสองด้าน
มีพลังของจิตใจที่ดีในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ในทุกวิถีทาง
     ในการตีลูกแต่ละครั้ง ต้องถือหลักเกณฑ์ว่าในการตีลูกข้ามตาข่ายต้องกระทำกับคู่ต่อสู้ดังนี้
- ให้คู่ต่อสู้วิ่งได้ไกลที่สุด
- ให้ฝ่ายคู่แข่งเสียแรงมากที่สุด
- ให้ตีลูกโต้กลับมาได้ยากที่สุด


วิธีการเล่นเดี่ยว
จะต้องประกอบด้วยผู้เล่น 2 คนข้างละ 1 คนสนามต้องกว้าง17 ฟุตยาว44ฟุต (ความสูงของตาข่าย และเสาเป็นไปตามกติกาการเล่น) การส่งลูกเริ่มแรกจะส่งทางสนามด้านขวามือสิ่งที่ผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยวควรคำนึง มีดังต่อไปนี้

-      การยืน ต้องรักษาจุดศูนย์กลางเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรักษาพื้นที่ของสนามได้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว จุดศูนย์กลางของประเภทเดี่ยวอยู่ที่เส้นกลางที่ห่างจากเส้นส่งลูกสั้นมาหลังสนามประมาณ 3 ฟุตเศษ เมื่อผู้เล่นยืนคร่อมเส้นกลางจะทำให้ยืนค่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อรักษาพื้นที่และจะได้ครอบคลุมสนามหน้าตาข่ายได้สมบรูณ์ขึ้น ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะวิ่งเข้ารับลูกหยอดได้ทันท่วงทีเท่านั้นยังจะต้องสามารถตีลูกในระดับสูงอีกด้วย จึงทำให้มุมการตีกว้างขึ้น ฉะนั้นโอกาสที่จะใช้ลูกหลอกล่อก็มีมากขึ้นจุดศูนย์กลางจะเป็นฐานทัพของการเล่นเดี่ยว ไม่ว่าผู้เล่นจะพาตัวไปตีลูกยังส่วนใดของสนาม เมื่อตีลูกตอบโต้ข้ามไปแล้ว จะต้องคืนสู่จุดศูนย์กลางในลักษณะเตรียมพร้อมซึ่งจะเป็นการแบ่งช่องว่างในแต่ละส่วนของสนามให้เท่าๆกัน
   
       จุดที่สำคัญ ๆ ในเกมส์ นักเล่นที่ฉลาดจะต้องเป็นผู้รู้เกมส์การเล่นของคู่ต่อสู้อย่างละเอียด โดยศึกษาดูสิ่งเหล่านี้ คือ
1.) จุดเด่น ของคู่แข่งขันอย่างละเอียด โดยศึกษาการตีของคู่แข่งขันมาอย่างละเอียดก่อนศึกษาดูว่าคู่แข่งขันถนัดตีลูกใดมีกำลังและความสามารถเท่าใดก่อนที่จะทำการแข่งขันจงนำมาวางแผนก่อนเสมอ
2.) จุดบกพร่อง ในการเล่นเกมส์ใดก็ตามการศึกษาดูจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ได้มากเท่าใดยิ่งเป็นการดี เช่น ดูลักษณะความถนัดของการตี การรับและการเคลื่อนไหวพยายามส่งลูกไปยังจุดนั้นให้มาก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเกมส์ที่คู่ต่อสู้ถนัดพร้อมทั้งใช้ชั้นเชิงดึงคู่ต่อสู้มาเล่นเกมส์ในเกมส์ของเราการทำเช่นนี้ย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้






badminton (1).jpg


การแข่งขันประเภทคู่

     หมายถึงเกมการเล่นกันเป็นคู่มีฝ่ายละสองคนรวมกันเป็น4 คนเกมการเล่นประเภทนี้เป็นเกมการเล่นที่รวดเร็วไม่ว่าหญิงคู่หรือชายคู่หรือคู่ผสมต้องใช้ความว่องไวรวดเร็วใการตีลูกรับลูกมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ การเล่นประเภทคู่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1.ประเภทหญิงคู่
2.ประเภทชายคู่
3.ระเภทคู่ผสม

ทั้ง 3 ประเภทนี้ใช้หลักและวิธีการมาจากพื้นฐานเดียวกัน การเล่นประเภทคู่เป็นที่นิยมกันมากกว่าการเล่นประเภทเดี่ยว เพราะรับผิดชอบน้อยกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าส่วนใหญ่เกมนี้มักใช้ในการสังสรรค์กันได้เป็นอย่างดี นักเล่นเดี่ยวที่ดีใช่ว่าจะเล่นคู่ได้ดีเสมอไปเพราะการเล่นคู่ทุกประเภทต้องอาศัยหลักการจู่โจมบุกตะลุยฝ่ายตรงข้าม ต้องมีการประสานกันอย่างดี ซึ่งผิดกับเกมการเล่นเดี่ยวที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจคนเดียวเล่นคนเดียว ถ้ามาเล่นคู่อาจผิดพลาดไปมากก็ได้


แบบของการยืนเล่นประเภทคู่
แบดมินตันเป็นเกมการเล่นประเภทคู่ที่ต้องมีความสัมพันธ์ในคู่ของตัวเองจึงต้องฝึกแบบการยืนแบบการยืนแบดมินตันประเภทคู่นั้นพอจะแยกได้ว่ามี 5 แบบทุกแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ด้วยกันทั้งนั้นแต่ในระหว่างที่ลูกอยู่ในการเล่นนั้นการเปลี่ยนแบบเล่นนั้นเป็นผลเสียมากขึ้นแบบของการเล่นประเภทคู่ทั้ง 5 แบบดังนี้
    1.การยืนแบบเคียงข้างการเล่นคู่แบบนี้ผู้เล่นทั้งสองยืนเคียงข้างกันตลอดเวลาผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องตีลูกใด ๆก็ตามที่พุ่งมาในสนามส่วนของตนจากตาข่ายถึงเส้นหลังสุดส่วนผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางสนามด้านซ้ายมือก็ทำนองเดียวกันผู้เล่นคู่แบบนี้ต้องทราบด้วยว่าผู้เล่นที่อยู่ทางสนามด้านซ้ายมือนั้นต้องตีลูกขนไก่ซึ่งพุ่งมาตรงกลางเส้นสนามด้วย แต่ผู้เล่นอีกคนหนึ่งเล่นด้วยมือซ้าย ต้องตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็นผู้ตีลูกขนไก่ที่พุ่งมาที่เส้นกลางสนามประเภทการยืนแบบนี้สำหรับผู้ที่เริ่มเล่นจะให้ผลดีมาก โดยที่ผู้เริ่มเล่นจะฝึกตีลูกต่างๆได้และการฝึกการวิ่งจากด้านหน้าสนามไปทางด้านหลังสนามแล้วกลับมายังตำแหน่งเตรียมพร้อมกลางสนามอยู่บ่อยๆ ทั้งหน้าที่กันในสนามก็แบ่งกันอย่างชัดเจนว่า คนนี้ตีด้านนั้นของสนาม ส่วนอีกคนตีอีกด้านหนึ่งตามแต่จะตกลงกัน
    2.การยืนแบบหน้า หลังการเล่นคู่แบบยืนหน้า หลังนี้ คือ คนหนึ่งยืนอยู่ส่วนหน้าของสนามใกล้ตาข่าย และตีลูกทางส่วนหน้าของสนาม และอีกคนหนึ่งต้องตีลูกส่วนหลังของสนาม การเล่นแบบยืนหน้า หลังหรือคุมหน้าคุมหลังเหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือและความแข็ง แกร่งแตกต่างกันมาก จึงเป็นแบบมาตรฐานสำหรับการเล่นแบบคู่ผสมไปเมื่อทำการส่งลูกแล้วคนหนึ่งให้ไปยืนคุมทางด้านหน้าของสนามเมื่อตกเป็นฝ่ายรับลูกจากการส่งลูกให้คนรับลูกเป็นคนคุมหน้าอีกคนคุมหลังโดยจะแบ่งหน้าที่เช่นนี้ตลอดหรือสลับกันก็ได้การเล่นแบบนี้หากเป็นการเล่นแบบคู่ผสมชาย หญิงแล้วจะให้ผลดีมากโดยใช้หญิงคอยตีด้านหน้าใกล้ตาข่ายตลอดเวลา สำหรับชายให้ยืนคุมหลังตลอด เพราะเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงกว่าผู้เล่นหน้าสนามต้องมีความแม่นยำ รวดเร็ว และเชิงดี และไม่ต้องใช้กำลังมาก
    3.การยืนแบบเยื้องกันการยืนแบบนี้ เป็นการยืนรวมแบบการเล่นที่ยืนเคียงข้างกับการยืนหน้าหลังโดยแบ่งสนามเล่นตามแนวทแยง ผู้เล่นที่อยู่ทางขวามือต้องตีลูกทางด้านขวาครึ่งหนึ่ง และคุมหน้าตาข่ายทั้งหมดส่วนผู้ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือรับผิดชอบตีลูกที่อยู่ทางซ้ายจากเส้นสั้นถึงเส้นหลัง และคุมด้านหลังสนามทั้งหมดการยืนคู่แบบนี้ปัจจุบันไม่นิยมกันมากนักนอกจากจะใช้ผสมกับแบบอื่นเป็นครั้งคราวจุดเด่นของการยืนแบบนี้นั้น อยู่ที่ว่าผู้เล่นคนหนึ่งสามารถรับลูกที่พุ่งมาทางมุมสนามด้านหลังมือได้ดีจุดอ่อนของการยืนแบบนี้มีอยู่ว่า ในบางครั้งที่ผู้เล่นหน้าโดยเฉพาะลูกที่เลยเส้นสั้นมาทางสนามด้านซ้าย และผู้ต่อสู้โต้กลับมาทางมุมขวาก็จะทำให้ผู้เล่นด้านซ้ายตกอยู่ฐานะลำบากขึ้นมาทันที ทั้งการแบ่งหน้าที่ก็ไม่ชัดเจนเหมือนกับการยืนเล่นคู่แบบอื่นๆ
    4.การยืนแบบวนการยืนแบบวนนี้เป็นการเล่นแบบผสมผสานระหว่างวิธีการยืนทั้งคู่ทั้ง 3 แบบดังที่ได้อธิบายไว้แล้วข้างต้นนำมารวมเข้าด้วยกันการยืนแบบคู่วนนี้ผู้เล่นคู่หมุนวนกันไปทั้งสองคนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เมื่อผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องเคลื่อนตัวเข้ามาทางตาข่ายผู้เล่นที่ยืนในสนามด้านซ้ายจะเคลื่อนตัวมาทางสนามด้านขวา และต่อมาผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าเคลื่อนตัวเป็นวงกลับไปทางด้านหลัง ผู้ที่อยู่ด้านหลังก็จะกลัวตัวมาทางด้านหน้า การเล่นคู่แบบนี้มีผลดีกว่าตรงที่ว่า ผู้เล่นทั้งสองมีโอกาสตีหน้ามือ มากที่สุดซึ่งเป็นลูกที่ถนัดและหวังแต้มได้มากอย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นชั้นดีนั้นการเล่นแบบนี้มีจุดอ่อนอยู่มิใช่น้อยโดยที่ผู้เล่นทางซ้ายมักถูกบีบบังคับให้ต้องเข้ามาใกล้ตาข่ายอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นทางด้านขวาต้องกลับไปคุมด้านหลังสนาม เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีผลทำให้วงกลมหมุนกลับคือหมุนตามนาฬิกา และผู้ต้องตีลูกด้วยหลังมือซึ่งเป็นลูกแก้ จะเป็นการทำลายข้อได้เปรียบที่จะได้ตีลูกทางด้านหน้า ให้มากที่สุดนั้นลงเสีย
    5.การยืนแบบรวมและวนสำหรับผู้เล่นที่ได้ฝึกฝนเล่นแบดมินตันมานานพอสมควร ก็ควรจะฝึกเล่นการยืนแบบรวมนี้การเล่นแบบยืนรวมนี้อาจเรียกอีกอย่างว่าแบบคนละข้างซึ่งให้ผลดีมากสำหรับผู้ตีลูกแบดมินตันได้คล่องทุกประเภทมาแล้วการยืนแบบรวมและวนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นแบบพิเศษเป็นการรวมข้อดีของการยืนทั้ง 4 แบบ ดังที่กล่าวมาเข้าด้วยกัน เมื่อเป็นฝ่ายส่งลูกผู้เล่นจะยืนแบบคุมหน้าคุมหลังเมื่อคู่ต่อสู้ตีลูกมาก็จะแยกกลับกันคนละซีกสนามเพื่อป้องกันการตกเป็นฝ่ายรับเมื่อๆได้โอกาสบุกก็เปลี่ยนเป็นแบบยืนหน้ายืนหลัง ผุ้ยืนอยู่ทางด้านหน้าคอยตีให้ลูกขนไก่ต่ำกว่าตาข่าย เมื่อคู่ต่อสู้ใช้ลูกโด่งผู้อยู่ด้านหลังจะตบลูกแล้วผู้อยู่ด้านหน้าคอยซ้ำเติมวนกันไปมา การเล่นแบบนี้จัดว่าเหมาะสำหรับผู้เล่นชั้นเยี่ยมที่คู่ขามีกำลังและฝีมือทัดเทียมกันแบบการยืนประเภทคู่ทั้ง 5 แบบนี้สามารถใช้ในการเล่นกับประเภทคู่ทั้งหมดคือชายคู่หญิงคู่และคู่ผสมเหมือนกันหมดทุกอย่างแล้วแต่จะเลือกแบบใดก็ได้



วิธีส่งลูกการเล่นประเภทคู่

นิยมส่งลูกสั้น เพราะใช้แรงเพียงเล็กน้อยให้เฉียดตาข่าย สูงกว่าตาข่ายประมาณ 18 นิ้วการส่งลุกสั้นนี้จะเป็นการบังคับให้ผู้รับลูกตีกลับมาด้วยลูกสั้นหรือลูกโด่ง ซึ่งทำให้ฝ่ายส่งลูกมีโอกาสที่จะสามารถตีทำคะแนนได้ จุดที่ควรส่งลูกนั้นคือมุมทั้งสองของสนามในการส่งลูกสั้นเมื่อส่งลูกไปแล้วควรวิ่งตามลูกเข้าไปใกล้ตาข่ายเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายตีลูกสั้นกลับมาส่วนคู่ของผู้ส่งลูกจะยืนที่ท้ายสนามเพื่อป้องกันมิให้สนามมีพื้นที่ว่าง

การรับลูกในการเล่นประเภทคู่
การยืนรับลูกควรยืนใกล้เส้นส่งลูกสั้นและพยายามที่จะหาทางตีโต้กลับไปอย่างรวดเร็วทำให้อีกฝ่ายแก้สถานการณ์ยาก การรับลูกในการเล่นประเภทคู่ต้องพยายามที่จะตีลูกกดต่ำลงไว้เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเป็นฝ่ายรับด้วยลูกดาด ลูกหยอด และตีลูกทแยงและตีลูกข้ามตาข่ายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น