เกมส์การแข่งขันประเภทเดี่ยวของแบดมินตันนั้น
เป็นเกมการทดสอบสมรรถภาพทดสอบความอดทน ทดสอบพลังจิตการต่อสู้
ผู้เล่นต้องมีความชำนานและแม่นยำในการตีลูก
การเล่นต้องอาศัยชั้นเชิงความไหวพริบปฏิภาณดีรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพยายามทำการแก้ไขลูกให้ฝ่ายตนต้องเตรียม
พร้อมตัวเองอยู่เสมอ
คุณสมบัติของผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยว
ความสมบรูณ์ของร่างกายมีกำลังที่จะตีลูกขนไก่ได้ตลอดการแข่งขัน
มีความแม่นยำในการตีลูกให้ถึงมุมทั้งลูกมุมสนามทางด้านหลังลูกหยอดมุมสนามทั้งสองด้าน
มีพลังของจิตใจที่ดีในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ในทุกวิถีทาง
ในการตีลูกแต่ละครั้ง
ต้องถือหลักเกณฑ์ว่าในการตีลูกข้ามตาข่ายต้องกระทำกับคู่ต่อสู้ดังนี้
- ให้คู่ต่อสู้วิ่งได้ไกลที่สุด
- ให้ฝ่ายคู่แข่งเสียแรงมากที่สุด
- ให้ตีลูกโต้กลับมาได้ยากที่สุด
วิธีการเล่นเดี่ยว
จะต้องประกอบด้วยผู้เล่น 2 คนข้างละ 1
คนสนามต้องกว้าง17 ฟุตยาว44ฟุต (ความสูงของตาข่าย และเสาเป็นไปตามกติกาการเล่น)
การส่งลูกเริ่มแรกจะส่งทางสนามด้านขวามือสิ่งที่ผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยวควรคำนึง
มีดังต่อไปนี้
- การยืน
ต้องรักษาจุดศูนย์กลางเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรักษาพื้นที่ของสนามได้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว
จุดศูนย์กลางของประเภทเดี่ยวอยู่ที่เส้นกลางที่ห่างจากเส้นส่งลูกสั้นมาหลังสนามประมาณ
3 ฟุตเศษ
เมื่อผู้เล่นยืนคร่อมเส้นกลางจะทำให้ยืนค่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อรักษาพื้นที่และจะได้ครอบคลุมสนามหน้าตาข่ายได้สมบรูณ์ขึ้น
ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะวิ่งเข้ารับลูกหยอดได้ทันท่วงทีเท่านั้นยังจะต้องสามารถตีลูกในระดับสูงอีกด้วย
จึงทำให้มุมการตีกว้างขึ้น
ฉะนั้นโอกาสที่จะใช้ลูกหลอกล่อก็มีมากขึ้นจุดศูนย์กลางจะเป็นฐานทัพของการเล่นเดี่ยว
ไม่ว่าผู้เล่นจะพาตัวไปตีลูกยังส่วนใดของสนาม เมื่อตีลูกตอบโต้ข้ามไปแล้ว
จะต้องคืนสู่จุดศูนย์กลางในลักษณะเตรียมพร้อมซึ่งจะเป็นการแบ่งช่องว่างในแต่ละส่วนของสนามให้เท่าๆกัน
จุดที่สำคัญ
ๆ ในเกมส์ นักเล่นที่ฉลาดจะต้องเป็นผู้รู้เกมส์การเล่นของคู่ต่อสู้อย่างละเอียด
โดยศึกษาดูสิ่งเหล่านี้ คือ
1.) จุดเด่น ของคู่แข่งขันอย่างละเอียด
โดยศึกษาการตีของคู่แข่งขันมาอย่างละเอียดก่อนศึกษาดูว่าคู่แข่งขันถนัดตีลูกใดมีกำลังและความสามารถเท่าใดก่อนที่จะทำการแข่งขันจงนำมาวางแผนก่อนเสมอ
2.) จุดบกพร่อง
ในการเล่นเกมส์ใดก็ตามการศึกษาดูจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ได้มากเท่าใดยิ่งเป็นการดี
เช่น ดูลักษณะความถนัดของการตี
การรับและการเคลื่อนไหวพยายามส่งลูกไปยังจุดนั้นให้มาก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเกมส์ที่คู่ต่อสู้ถนัดพร้อมทั้งใช้ชั้นเชิงดึงคู่ต่อสู้มาเล่นเกมส์ในเกมส์ของเราการทำเช่นนี้ย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้
การแข่งขันประเภทคู่
หมายถึงเกมการเล่นกันเป็นคู่มีฝ่ายละสองคนรวมกันเป็น4
คนเกมการเล่นประเภทนี้เป็นเกมการเล่นที่รวดเร็วไม่ว่าหญิงคู่หรือชายคู่หรือคู่ผสมต้องใช้ความว่องไวรวดเร็วใการตีลูกรับลูกมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
การเล่นประเภทคู่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1.ประเภทหญิงคู่
2.ประเภทชายคู่
3.ระเภทคู่ผสม
ทั้ง 3
ประเภทนี้ใช้หลักและวิธีการมาจากพื้นฐานเดียวกัน
การเล่นประเภทคู่เป็นที่นิยมกันมากกว่าการเล่นประเภทเดี่ยว
เพราะรับผิดชอบน้อยกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าส่วนใหญ่เกมนี้มักใช้ในการสังสรรค์กันได้เป็นอย่างดี
นักเล่นเดี่ยวที่ดีใช่ว่าจะเล่นคู่ได้ดีเสมอไปเพราะการเล่นคู่ทุกประเภทต้องอาศัยหลักการจู่โจมบุกตะลุยฝ่ายตรงข้าม
ต้องมีการประสานกันอย่างดี
ซึ่งผิดกับเกมการเล่นเดี่ยวที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจคนเดียวเล่นคนเดียว
ถ้ามาเล่นคู่อาจผิดพลาดไปมากก็ได้
แบบของการยืนเล่นประเภทคู่
แบดมินตันเป็นเกมการเล่นประเภทคู่ที่ต้องมีความสัมพันธ์ในคู่ของตัวเองจึงต้องฝึกแบบการยืนแบบการยืนแบดมินตันประเภทคู่นั้นพอจะแยกได้ว่ามี
5 แบบทุกแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ด้วยกันทั้งนั้นแต่ในระหว่างที่ลูกอยู่ในการเล่นนั้นการเปลี่ยนแบบเล่นนั้นเป็นผลเสียมากขึ้นแบบของการเล่นประเภทคู่ทั้ง
5 แบบดังนี้
1.การยืนแบบเคียงข้างการเล่นคู่แบบนี้ผู้เล่นทั้งสองยืนเคียงข้างกันตลอดเวลาผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องตีลูกใด
ๆก็ตามที่พุ่งมาในสนามส่วนของตนจากตาข่ายถึงเส้นหลังสุดส่วนผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางสนามด้านซ้ายมือก็ทำนองเดียวกันผู้เล่นคู่แบบนี้ต้องทราบด้วยว่าผู้เล่นที่อยู่ทางสนามด้านซ้ายมือนั้นต้องตีลูกขนไก่ซึ่งพุ่งมาตรงกลางเส้นสนามด้วย
แต่ผู้เล่นอีกคนหนึ่งเล่นด้วยมือซ้าย
ต้องตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็นผู้ตีลูกขนไก่ที่พุ่งมาที่เส้นกลางสนามประเภทการยืนแบบนี้สำหรับผู้ที่เริ่มเล่นจะให้ผลดีมาก
โดยที่ผู้เริ่มเล่นจะฝึกตีลูกต่างๆได้และการฝึกการวิ่งจากด้านหน้าสนามไปทางด้านหลังสนามแล้วกลับมายังตำแหน่งเตรียมพร้อมกลางสนามอยู่บ่อยๆ
ทั้งหน้าที่กันในสนามก็แบ่งกันอย่างชัดเจนว่า คนนี้ตีด้านนั้นของสนาม
ส่วนอีกคนตีอีกด้านหนึ่งตามแต่จะตกลงกัน
2.การยืนแบบหน้า – หลังการเล่นคู่แบบยืนหน้า
– หลังนี้
คือ คนหนึ่งยืนอยู่ส่วนหน้าของสนามใกล้ตาข่าย และตีลูกทางส่วนหน้าของสนาม
และอีกคนหนึ่งต้องตีลูกส่วนหลังของสนาม การเล่นแบบยืนหน้า – หลังหรือคุมหน้าคุมหลังเหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือและความแข็ง
แกร่งแตกต่างกันมาก
จึงเป็นแบบมาตรฐานสำหรับการเล่นแบบคู่ผสมไปเมื่อทำการส่งลูกแล้วคนหนึ่งให้ไปยืนคุมทางด้านหน้าของสนามเมื่อตกเป็นฝ่ายรับลูกจากการส่งลูกให้คนรับลูกเป็นคนคุมหน้าอีกคนคุมหลังโดยจะแบ่งหน้าที่เช่นนี้ตลอดหรือสลับกันก็ได้การเล่นแบบนี้หากเป็นการเล่นแบบคู่ผสมชาย
– หญิงแล้วจะให้ผลดีมากโดยใช้หญิงคอยตีด้านหน้าใกล้ตาข่ายตลอดเวลา
สำหรับชายให้ยืนคุมหลังตลอด เพราะเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงกว่าผู้เล่นหน้าสนามต้องมีความแม่นยำ
รวดเร็ว และเชิงดี และไม่ต้องใช้กำลังมาก
3.การยืนแบบเยื้องกันการยืนแบบนี้
เป็นการยืนรวมแบบการเล่นที่ยืนเคียงข้างกับการยืนหน้าหลังโดยแบ่งสนามเล่นตามแนวทแยง
ผู้เล่นที่อยู่ทางขวามือต้องตีลูกทางด้านขวาครึ่งหนึ่ง และคุมหน้าตาข่ายทั้งหมดส่วนผู้ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือรับผิดชอบตีลูกที่อยู่ทางซ้ายจากเส้นสั้นถึงเส้นหลัง
และคุมด้านหลังสนามทั้งหมดการยืนคู่แบบนี้ปัจจุบันไม่นิยมกันมากนักนอกจากจะใช้ผสมกับแบบอื่นเป็นครั้งคราวจุดเด่นของการยืนแบบนี้นั้น
อยู่ที่ว่าผู้เล่นคนหนึ่งสามารถรับลูกที่พุ่งมาทางมุมสนามด้านหลังมือได้ดีจุดอ่อนของการยืนแบบนี้มีอยู่ว่า
ในบางครั้งที่ผู้เล่นหน้าโดยเฉพาะลูกที่เลยเส้นสั้นมาทางสนามด้านซ้าย
และผู้ต่อสู้โต้กลับมาทางมุมขวาก็จะทำให้ผู้เล่นด้านซ้ายตกอยู่ฐานะลำบากขึ้นมาทันที
ทั้งการแบ่งหน้าที่ก็ไม่ชัดเจนเหมือนกับการยืนเล่นคู่แบบอื่นๆ
4.การยืนแบบวนการยืนแบบวนนี้เป็นการเล่นแบบผสมผสานระหว่างวิธีการยืนทั้งคู่ทั้ง
3
แบบดังที่ได้อธิบายไว้แล้วข้างต้นนำมารวมเข้าด้วยกันการยืนแบบคู่วนนี้ผู้เล่นคู่หมุนวนกันไปทั้งสองคนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
เมื่อผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องเคลื่อนตัวเข้ามาทางตาข่ายผู้เล่นที่ยืนในสนามด้านซ้ายจะเคลื่อนตัวมาทางสนามด้านขวา
และต่อมาผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าเคลื่อนตัวเป็นวงกลับไปทางด้านหลัง
ผู้ที่อยู่ด้านหลังก็จะกลัวตัวมาทางด้านหน้า การเล่นคู่แบบนี้มีผลดีกว่าตรงที่ว่า
ผู้เล่นทั้งสองมีโอกาสตีหน้ามือ มากที่สุดซึ่งเป็นลูกที่ถนัดและหวังแต้มได้มากอย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นชั้นดีนั้นการเล่นแบบนี้มีจุดอ่อนอยู่มิใช่น้อยโดยที่ผู้เล่นทางซ้ายมักถูกบีบบังคับให้ต้องเข้ามาใกล้ตาข่ายอยู่เสมอ
ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นทางด้านขวาต้องกลับไปคุมด้านหลังสนาม
เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีผลทำให้วงกลมหมุนกลับคือหมุนตามนาฬิกา
และผู้ต้องตีลูกด้วยหลังมือซึ่งเป็นลูกแก้
จะเป็นการทำลายข้อได้เปรียบที่จะได้ตีลูกทางด้านหน้า ให้มากที่สุดนั้นลงเสีย
5.การยืนแบบรวมและวนสำหรับผู้เล่นที่ได้ฝึกฝนเล่นแบดมินตันมานานพอสมควร
ก็ควรจะฝึกเล่นการยืนแบบรวมนี้การเล่นแบบยืนรวมนี้อาจเรียกอีกอย่างว่าแบบคนละข้างซึ่งให้ผลดีมากสำหรับผู้ตีลูกแบดมินตันได้คล่องทุกประเภทมาแล้วการยืนแบบรวมและวนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นแบบพิเศษเป็นการรวมข้อดีของการยืนทั้ง
4 แบบ ดังที่กล่าวมาเข้าด้วยกัน
เมื่อเป็นฝ่ายส่งลูกผู้เล่นจะยืนแบบคุมหน้าคุมหลังเมื่อคู่ต่อสู้ตีลูกมาก็จะแยกกลับกันคนละซีกสนามเพื่อป้องกันการตกเป็นฝ่ายรับเมื่อๆได้โอกาสบุกก็เปลี่ยนเป็นแบบยืนหน้ายืนหลัง
ผุ้ยืนอยู่ทางด้านหน้าคอยตีให้ลูกขนไก่ต่ำกว่าตาข่าย
เมื่อคู่ต่อสู้ใช้ลูกโด่งผู้อยู่ด้านหลังจะตบลูกแล้วผู้อยู่ด้านหน้าคอยซ้ำเติมวนกันไปมา
การเล่นแบบนี้จัดว่าเหมาะสำหรับผู้เล่นชั้นเยี่ยมที่คู่ขามีกำลังและฝีมือทัดเทียมกันแบบการยืนประเภทคู่ทั้ง
5 แบบนี้สามารถใช้ในการเล่นกับประเภทคู่ทั้งหมดคือชายคู่หญิงคู่และคู่ผสมเหมือนกันหมดทุกอย่างแล้วแต่จะเลือกแบบใดก็ได้
วิธีส่งลูกการเล่นประเภทคู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น